Longtruk Film #4: บทความโดย Diin
Ten Years ออกฉายในปี 2015 หลังการประท้วงครั้งใหญ่บนเกาะฮ่องกง ในปี 2014 ที่ถูกเรียกว่า The Umbrella Revolution ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังอิสระทุนต่ำ จัดฉายแบบจำกัด เนื่องจากถูกปฏิเสธจากโรงภาพยนตร์ ทางผู้ผลิตจึงต้องจัดฉายตามมหาวิทยาลัย หรือ เช่าพื้นที่เพื่อจัดฉายโดยการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ด้วยงบประมาณสร้างประมาณ 65,000 ดอลลาร์ฮ่องกง แต่สามารถทำรายได้มากกกว่า 600,000 ดอลลาร์ฮ่องกง และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล ฮ่องกงฟิล์ม อวอร์ด และแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกห้ามฉายในจีน สื่อในจีนบางฉบับเรียกภาพยนตร์เรื่อง Ten Years ว่าเป็น เชื้อไวรัสทางความคิด
โปสเตอร์ภาพยนตร์ Ten Years
Ten Years ประกอบไปด้วย หนังสั้น 5 เรื่องจากผู้กับรุ่นใหม่ 5 คน หนังเรื่องนี้เริ่มจากคำถามที่ว่า “ถ้าทุกสิ่งยังดำเนินไปอย่างนี้ ใน 10 ปีข้างหน้า อนาคตจะเป็นอย่างไร” อนาคตในปี 2025 ที่ถูกนำเสนอผ่านหนังสั้นทั้ง 5 เรื่อง ต่างมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยภาพรวมหนังสั้นทั้ง 5 เรื่องต่างแสดงถึงภาวะความเคลือบแคลง กังวล ถึงสถานะของผู้คนและสังคม หลังจากที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มมีนโยบายแทรกแซงและครอบงำเกาะฮ่องกงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การพยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพื่อเป็นเหตุให้สามารถออกกฎหมายความมั่นคง การสร้างความคิดชาตินิยมโดยการบังคับให้ใช้ภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลักและการที่คำว่าท้องถิ่นเป็นเรื่องผิด การเผาตัวเองอย่างสงบของหญิงชราคนหนึ่ง การตั้งกลุ่มเยาวชน Youth Guards เพื่อคอยสอดส่องผู้คนในชุมชน หรือการพยายามเก็บรวบรวมความทรงจำของผู้คนและสังคมของฮ่องกงจากซากปรักหักพังและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้คือ เรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสั้นทั้ง 5 เรื่อง
นอกจากนี้ Ten Years ยังสอดแทรกประเด็นทางสังคมของฮ่องกงที่น่าสนใจ เช่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความเป็นอื่นของคนชายขอบที่ไม่ได้รับโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ จนต้องมารับจ้างก่ออาชญากรรม และในเรื่องสั้นเรื่องสุดท้าย ตัวละครหนึ่งได้พูดว่า “ อย่าเคยชินกับมันเชียว เป็นเพราะคนรุ่นเราเคยชินกับมัน ทำให้เราต้องใช้ชีวิตกันแบบนี้ ” ก็นับเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้ง 5 เรื่องได้เป็นอย่างดี
นับตั้งแต่การที่เกาะฮ่องกงได้กลับสู่การปกครองของจีนอย่างเป็นทางการในปี 1997 ภายใต้สัญญาจากรัฐบาลจีนว่าจะให้ฮ่องกงมีอำนาจในการปกครองตนเอง เป็นเขตปกครองพิเศษเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 50 ปี ภายใต้นโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในฮ่องกง ในปี 2003 ประชาชนราวห้าแสนคนออกมาประท้วง ความพยายามออกกฎหมายความมั่นคง ที่ชื่อ Article 23 กฎหมายฉบับนี้ถูกมองว่าเป็นการพยายามในการจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนฮ่องกงของจีน นับตั้งแต่นั้นมาก็มีการประท้วงเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี
จนเมื่อปี 2011 ได้เกิดกลุ่มขบวนการคนรุ่นใหม่ที่เป็นนักเรียนระดับมัธยมปลายที่ใช้ชื่อ Scholarism แสดงจุดยืนในการเรียกให้ปกป้องนโยบายการศึกษาของฮ่องกงจากการแทรกแซงของรัฐบาลจีน มีนโยบายที่เน้น ศีลธรรม เป็นนโยบายแห่งชาติตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนเกิดการประท้วงในปีถัดมาจนรัฐสภาฮ่องกงยอมยกเลิกแนวทางการศึกษานี้ไป หลังการประท้วงในครั้งนี้กลุ่มนักกิจกรรมเหล่านี้ยังทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวที่สำคัญเกิดขึ้นในปี 2014 ที่เรียกร้องให้มีการ เลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงโดยเสรี เพราะก่อนหน้านี้ มีเพียงผู้สมัครที่ได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลจีนเท่านั้นถึงจะมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ การประท้วงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการต่อต้านระบอบอำนาจนิยมจีนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ การปฏิบัติของรัฐบาลจีนต่อนักเคลื่อนไหว ที่ถูกจับกุม อุ้มหาย ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่ารัฐบาลจีนจะนำวิธีที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่มาใช้ปฏิบัติกับชาวฮ่องกง การประท้วงครั้งนี้เกิดเป็นกระแสไปทั่วโลก เกิดการประท้วงหน้าสถานทูตจีนในหลายประเทศและการชุมนุมของคนไต้หวันที่สนับสนุนการชุมนุมของคนฮ่องกงที่จตุรัสในเมืองไทเป ถึงแม้ว่าการประท้วงครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แกนนำซึ่งเป็นนักศึกษาหลายคนถูกจับกุม แต่ก็ได้ปลุกกระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาวในฮ่องกง
ในปี 2019 รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศแผนการออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Extradition Bill) ซึ่งอนุญาตให้ทางการฮ่องกงสามารถส่งตัวผู้ทีถูกกล่าวหาไปดำเนินคดีในประเทศจีน กฎหมายนี้ถูกมองว่า คุกคามอิสภาพของประชาชนและอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดปากผู้เห็นต่างต่อทางการจีน ทำให้เกิดการลุกฮือ เดินขบวนประท้วงอย่างวงกว้างทั่วเกาะฮ่องกง ต่อเนื่องมากระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ covid-19 การประท้วงจึงหยุดลง จนในที่สุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ที่ผ่านมา ก่อนวันครบรอบการส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงเพียงหนึ่งวัน รัฐบาลจีนก็ได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และยังได้ตั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติประจำฮ่องกง โดยมีเจ้าหน้าที่จากทางการจีนไปประจำการ ถึงแม้ว่ารายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้จะยังไม่ออกมา แต่ก็ได้สร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนในฮ่องกงและหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มพิจารณาต่อมาตราการต่างๆที่จะมีต่อฮ่องกงต่อไป
นับจากวันที่ Ten Years ออกฉายในปี 2015 จนถึงวันนี้ แม้จะยังไม่ถึงปีที่เรื่องราวในภาพยนตร์ระบุไว้ในปี 2025 แต่ดูเหมือนว่า ความกังวลต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ปรากฏในหนังสั้นทั้ง 5 เรื่องได้เกิดขึ้นบ้างแล้ว จากคำสัมภาษณ์ของผู้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายคนได้กล่าวว่า “You don’t have to wait for 10 years, It’s already happening now.”
เอกสารและภาพอ้างอิง
(1) https://www.matichonweekly.com/column/article_220057
(2) https://www.npr.org/sections/parallels/2016/07/07/484778210/in-ten-years-a-dystopian-vision-of-hong-kongs-future-under-china
(3) https://variety.com/2016/film/reviews/ten-years-film-review-1201748166/
(4) https://waymagazine.org/hong-kong-china-national-security-law/